ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS
Container Icon

ป่าชายเลน by Slidely - Slideshow maker

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว




ชื่อ-นามสกุล  นางสาวมณีกาญจน์  อุปราวัลย์
ชื่อเล่น  อุ๋ย
วัน เดือน ปีเกิด    21 เมษายน พ.ศ.2538
ชื่อบิดา       นายสุริวัฒน์ อุปราวัลย์                อาชีพเกษตรกร
ชื่อมารดา   นางศิริเจริญลักษณ์ อุปราวัลย์      อาชีพเกษตรกร
มีพี่น้อง  2  คน 
1. เด็กชายพินิจพงศ์      อุปราวัลย์    กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/11 โรงเรียนอำนาจเจริญ
          2. นางสาวมณีกาญจน์   อุปราวัลย์  กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/10 โรงเรียนอำนาจเจริญ
การศึกษา   กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/10 โรงเรียนอำนาจเจริญ
ที่อยู่บ้านเลขที่  134  หมู่  3  บ้านโคกศรีบุญเรือง  ตำบลไก่คำ   อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ   37000
คติประจำใจ    ฝันให้ไกลไปให้ถึงจุดหมาย
ความสามรถพิเศษ   รำนาฏศิลป์ เป็นผู้รักษาประตู
ความมุ่งหวังในอนาคต  ทันตแพทย์  ครูสอนวิชาชีววิทยา  พยาบาล
ลักษณะนิสัย  เป็นคนใจดี ขยัน  มีความรับผิดชอบ  รักในสิ่งที่ตนทำ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

สาเหตุที่มีผลต่อการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลน





สาเหตุที่มีผลต่อการลดลงของพื้นที่ป่าชายเลน
1.ปริมาณความต้องการใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนเพื่อใช้ในการเผาถ่าน ทำไม้เสาเข็ม ไม้ค้ำยันและเฟอร์นิเจอร์ มีมากกว่ากำลังการผลิตของป่า พื้นที่ป่าชายเลนจึงถูกบุกรุกทำลาย
2.การตัดถนนผ่านพื้นที่ป่าชายเลนมีเป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนถูกบุกรุกทำลาย การก่อสร้างบ้านเรือนขึ้นใหม่เมื่อมีการตัดถนนผ่านป่าชายเลน ก็จะมีการถมที่และการสร้างอาคารบ้านเรือน ร้านค้า ศูนย์การค้าที่ทำการและสำนักงานในบริเวณนั้นติดตามมา ราษฎรที่อยู่ใกล้กับป่าชายเลนก็จะบุกรุกถือโอกาสเข้าครอบครองที่ดินการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมพื้นที่ป่าชายเลนที่อยู่แถบชายฝั่งทะเล ส่วนหนึ่งถูกบุกเบิกเพื่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมทั่วไป แต่มีส่วนหนึ่งที่ถูกบุกเบิกเพื่อก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมสำหรับผลิตอาหารสำเร็จรูปจากสัตว์น้ำโดยเฉพาะ เช่น ปลาป่น ปลาเค็ม ปลานึ่ง ปลากระป๋อง ปลารมควัน กุ้งประป๋อง กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง น้ำปลา และน้ำบูดู เป็นต้น
3.การทำเหมืองแร่มีส่วนในการทำลายสภาพป่าและความอุดมสมบูรณ์ของป่า จนยากที่จะฟื้นให้มีความอุดมสมบูรณ์เช่นเดิม ในระยะเวลาอันสั้นได้ ทั้งนี้เนื่องจากวิธีการทำเหมืองแร่ จะต้องขุดให้ลึกจนถึง
สายแร่ ดินตะกอน กรวดและทรายที่ถูกพลิกขึ้นมาทับถม ทำให้ป่าชายเลนไม่สามารถจะฟื้นตัวเกิดได้
ดังเช่นเดิม นอกจากนั้น คุณภาพของน้ำยังเลวลง เนื่องจากมีตะกอนขุ่นข้นแขวนลอยอยู่ด้วย เมื่อตก
ตะกอนก็จะกลายเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง มีแต่ความแห้งแล้ง ดังนั้น การทำเหมืองแร่จึงก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่ระบบนิเวศป่าชายเลนโดยตรง
4.การทำนากุ้งและบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆพื้นที่ป่าชายเลนเป็นแหล่งผลิตอินทรีย์และธาตุอาหารที่สำคัญ สำหรับสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา เป็นต้น โดยเฉพาะการเลี้ยงกุ้งโดยการแผ้วถางป่าแล้วจึงขุดบ่อขึ้นภายหลัง เป็นการทำลายแหล่งแร่ธาตุอาหารที่มีการหมุนเวียน เพื่อให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติในระบบนิเวศวิทยาป่าชายเลน และการทำนากุ้งวิธีนี้ ยังทำความเสียหายแก่พื้นที่ป่าชายเลนมาก เพราะนอกจากจะตัดไม้ลงแล้ว ยังต้องขุดรากถอนโคนออกให้หมด เป็นการทำลายพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่มีอยู่ในบริเวณนั้น และขจัดการสืบพันธุ์ของพันธุ์ไม้เหล่านั้นที่จะมีขึ้นในอนาคต จึงไม่อาจจะฟื้นคืนสภาพป่าเลนบริเวณเหล่านี้ได้อีกโดยง่าย การทำลายป่าชายเลนในลักษณะนี้จึงเป็นการเปลี่ยนสภาพจากพื้นที่ป่าไม้ไปเป็นพื้นที่เพื่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ อย่างถาวร ซึ่งทำลายทั้งทรัพยากรป่าไม้และระบบนิเวศป่าชายเลนด้วย
5.การทำนาเกลือ เนื่องจากแสงแดดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเผาน้ำทะเลให้ระเหยแห้งจนตกผลึกกลายเป็นเกลือ ดังนั้นป่าชายเลนโดยรอบจะถูกตัดฟันจนหมดเพื่อเปิดพื้นที่ ให้โล่งออกมากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
6.นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาประเทศไทยมีความไม่แน่นอนในนโยบายด้านป่าชายเลน โดยจะเปลี่ยนแปลงไปตามรัฐบาลที่มาเป็นผู้กำหนดนโยบาย จึงเป็นผลให้การปฏิบัติงาน ตามนโยบายด้านป่าชายเลนดำเนินไปอย่างไม่ต่อเนื่อง และต้องหยุดชะงักเพื่อรอนโยบายจากรัฐบาลที่เปลี่ยนใหม่อยู่เสมอ นอกจากนั้น ยังปรากฏว่ามีนโยบายที่กำหนดไว้ ในมติคณะรัฐมนตรี แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทยถูกบุกรุกและถือครองเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการอี่นอยู่เสมอ
สาเหตุที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแก่พื้นที่ป่าชายเลนในประเทศไทย จนมีผลทำให้ป่าชายเลนลดลงมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ การขยยายตัวของชุมชน การทำเหมือง การสร้างเขื่อน การทำการเกษตร การเลี้ยงสัตว์น้ำ และอื่น ๆ









  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

สายใยอาหารในระบบนิเวศป่าชายเลน



ระบบนิเวศน์ป่าชายเลน

                เมื่อกล่าวถึงระบบนิเวศน์ใดๆก็ตามย่อมสื่อความหมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตซึ่งประกอบไปด้วยพืชซึ่งเปรียบเสมือนผู้ผลิต (producer) และสัตว์น้ำซึ่งเปรียบเสมือนผู้บริโภค (consumer) ระบบนิเวศน์ป่าชายเลนก็เช่นเดียวกัน ป่าชายเลนถือเป็นระบบนิเวศน์ที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ชายฝั่งเขตร้อน เป็นระบบนิเวศน์ที่มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดทั้ง พืชน้ำ สาหร่าย ไปจนถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ เช่น กุ้ง ปู และปลา เป็นต้น นอกจากความสำคัญต่อสัตว์น้ำแล้ว ป่าชายเลนยังมีความสำคัญกับมนุษย์โดยตรงทั้งในด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเกษตรกรรม ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และเป็นแหล่งของเชื้อเพลิง (ถ่านไม้) และวัสดุก่อสร้าง
ระบบนิเวศป่าชายเลน
หากไล่กันตามลำดับในห่วงโซ่อาหารนั้นจะพบว่า ต้นไม้ในป่าชายเลนเป็นกลุ่มของผู้ผลิตเบื้องต้น ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนพลังงานแสงจากดวงอาทิตย์ และธาตุอาหารต่างๆ มาสร้างเป็นพลังงานในรูปแบบที่สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น แป้ง และโปรตีน เป็นต้น นอกจากนั้นการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในลักษณะภูมิประเทศตามแนวชายฝั่งที่ได้รับอิทธิพลของ ความเร็วกระแสน้ำ ระดับน้ำขึ้น-น้ำลง การเปลี่ยนแปลงความเค็ม และองค์ประกอบและความเสถียรของดินตะกอน ทำให้ไม้ชายเลนต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้าง (morphology) เช่น การเจริญเติบโต การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนมวลชีวภาพ การพัฒนาทางด้านกายวิภาค เช่น การสร้างรากอากาศ การแลกเปลี่ยนแก็ส ต่อมขับเกลือ เป็นต้น ซึ่งการปรับตัวเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้ไม้ชายเลนสามารถดำรงอยู่ได้ตามพื้นที่แนวชายฝั่งแล้ว ยังเป็นประโยชน์ทางตรงต่อสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ซึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการสร้างรากค้ำจุน (Prop-Roots) และรากอากาศ (Pneumatophores) ที่แตกต่างกันของไม้ชายเลนแต่ละชนิด ล้วนทำให้เกิดความสลับซับซ้อนของที่อยู่อาศัย (Habitat) สนับสนุนสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น 1. สัตว์น้ำวัยอ่อน เช่น ลูกกุ้ง ลูกปลา ที่จะอพยพเข้ามาหากินและหลบภัยในป่าชายเลน 2. โครงสร้างของรากอากาศจะช่วยชะลอความเร็วของกระแสน้ำและช่วยให้เกิดการตกตะกอนของ เศษดิน ซากพืชและซากสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของสัตว์หน้าดินชนิดต่างๆ เช่น แม่เพรียง  หอยชนิดต่างๆ  ปลา และปูต่างๆ เป็นต้น

โกงกาง
แสม

สัตว์หน้าดิน (benthos) ที่หากินอินทรีย์สารตามหน้าดินมีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ป่าชายเลนทั้งในแง่ของการเป็นอาหารของสัตว์ผู้ล่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และในแง่ของการเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงสารอาหารจากสารอินทรีย์เป็นสารอนินทรีย์ (remineralization) อย่างที่เราทราบกันโดยทั่วไปในระบบนิเวศน์ป่าบกจะมีแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ย่อยสลายสารอินทรีย์ และเชื้อจุลินทรีย์เหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องใช้อาศัยออกซิเจนในการย่อยสลาย แต่ในป่าชายเลนเมื่อเข้าสู่สภาวะน้ำขึ้นปริมาณออกซิเจนบริเวณหน้าดินจะลดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจลดลงได้มากกว่า 28 % หากระยะเวลาในการท่วมนานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งในสภาวะดังกล่าวกระบวนการย่อยสลายของเชื้อจุลินทรีย์อาจทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก ดังนั้นสัตว์หน้าดินที่กล่าวมาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศน์ป่าชายเลนเพราะเปรียบเสมือนกับผู้ช่วยของจุลินทรีย์ทำหน้าที่ช่วยในการย่อยสลายสารอินทรีย์ โดยสัตว์หน้าดินกลุ่มดังกล่าวที่พบได้ทั่วไปในป่าชายเลนก็ได้แก่ ปูแสม ปูก้ามดาบ ปูทะเล กุ้งดีดขัน แม่เพรียง และหอยฝาเดียว เช่นหอยขี้กา หอยจุบแจง เป็นต้น นอกจากนั้นในบริเวณกลางน้ำและบริเวณหน้าดินก็ยังมีสัตว์น้ำในกลุ่มกรองกินอาหาร (filter feeder) เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่เป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลงสารอาหารจากสารอินทรีย์เป็นสารอนินทรีย์ โดยพฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์น้ำในกลุ่มนี้ บางชนิดจะทำการดูดน้ำผ่านซี่กรองซึ่งมีหน้าที่ในการดักจับอนุภาคแขวนลอยที่อยู่ในน้ำ เช่น แพลงก์ตอนพืชขนาดเล็กชนิดต่างๆ หรืออนุภาคดินตะกอน โดยสัตว์น้ำในกลุ่มดังกล่าวที่พบได้ทั่วไปในป่าชายเลนก็ได้แก่ กลุ่มหอยสองฝา เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ ซึ่งพบได้ทั่วไปบริเวณกลางน้ำ และที่พบในบริเวณหน้าดินก็ได้แก่ หอยแครง หอยกะพง และเพรียงหัวหอมเป็นต้น
หอยแมลงภู่
เมื่อสารอินทรีย์ที่มากับน้ำถูกเปลี่ยนเป็นสารอนินทรีย์ก็จะถูกนำไปใช้ใหม่โดยผู้ผลิตขั้นต้น ซึ่งได้แก่ ต้นไม้ในป่าชายเลนและแพลงก์ตอนพืช เมื่อเศษซากใบไม้ร่วงหล่นก็จะกลับไปเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำ หมุนเวียนเป็นวัฎจักรต่อเนื่องกันไป นอกจากสัตว์น้ำที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสัตว์น้ำชนิดอื่นๆอีกที่มีความสำคัญในการเป็นตัวเชื่อมในห่วงโซ่อาหาร เช่นแพลงก์ตอนสัตว์ หรือปลาชนิดต่างๆ โดยสัตว์น้ำเหล่านี้จะมีความสามารถในการกินเหยื่อที่มีขนาดแตกต่างกัน สารอาหารจากผู้บริโภคขนาดเล็กก็จะถูกถ่ายทอดขึ้นไปให้ผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่กว่า หากจะพูดถึงกลุ่มผู้ล่าในน้ำขนาดใหญ่ของระบบนิเวศน์ป่าชายเลนก็คงจะหนีไม่พ้นปลาชนิดต่างๆ  ที่อาศัยอยู่ในป่าชายจากพืชสู่ผู้บริโภคหรือสัตว์ผู้ล่าในน้ำ การถ่ายทอดสารอาหารและพลังงานภายในระบบนิเวศน์ป่าชายเลนยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ผู้ล่าที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้อยู่ในน้ำ แต่ย้ายขึ้นมาอยู่บนบก ซึ่งกลุ่มผู้ล่าที่สำคัญและพบได้ทั่วไปก็คือ นกน้ำและนกชายเลนชนิดต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม หลัก ได้แก่ 1.นกประจำถิ่นได้แก่ นกยางกรอกพันธ์ชวา นกยางเปีย นกนางนวลแกลบเล็ก เป็นต้น และ 2 นกอพยพ ซึ่งได้แก่ นกทะเลขาแดง นกปากแอ่นหางดำ เป็นต้น นอกจากสัตว์ปีกแล้วยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ลิงแสม ซึ่งในปัจจุบันเริ่มพบได้ค่อนข้างยากแล้วในป่าชายเลนธรรมชาติของระบบนิเวศน์ใดๆก็ตามความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลำดับขั้นของสายใยอาหาร (food web) จะเป็นส่วนช่วยให้ระบบนั้นทนทานต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าหากได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น เราจะสังเกตได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะการกินที่เหมือนกัน มีหน้าที่ในระบบนิเวศน์ที่เหมือนกันก็มักจะมีมากกว่าหนึ่งชนิดเสมอ การมีสิ่งมีชีวิตมากกว่าหนึ่งชนิดในแต่ละขั้นของห่วงโซ่อาหารก็เพื่อประโยชน์ในแง่ของความเสถียรภาพและความสมดุลของระบบ ซึ่งหากมีภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น โรคระบาดเกิดขึ้น สิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆก็ยังสามารถที่จะทำหน้าที่ทดแทนกันได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สมบูรณ์หรือสมดุลเหมือนในช่วงแรก แต่ก็เพียงพอต่อการทำให้ระบบนิเวศน์นั้นสามารถคงอยู่ได้

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

สัตว์ในป่าชายเลน

สัตว์และการปรับตัวของสัตว์ในป่าชายเลน
ชนิดสัตว์ในป่าชายเลน
สัตว์ที่อาศัยในป่าชายเลนนั้นมีมากมายหลายชนิด เนื่องจากป่าชายเลนเป็นแหล่งอาหารที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง พบได้ทั้งสัตว์ที่มีขนาดเล็กมองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า จนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ ในที่นี้จะกล่าวถึงสัตว์ขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าที่พบในป่าชาย เลนแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ คือ สัตว์ทะเลและสัตว์บก
สัตว์ทะเลในป่าชายเลน
สัตว์ทะเลที่พบในป่าชายเลน สามารถแยกเป็นกลุ่มตามที่อยู่อาศัยได้ดังนี้
1. สัตว์ที่อาศัยในดินป่าชายเลน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในดินป่าชายเลนกลุ่มที่พบเป็นประจำ คือ สัตว์พวกครัสเตเชี่ยน และหนอน โดยสัตว์กลุ่ม ครัสเตเชี่ยน ได้แก่ ปู และกุ้ง ส่วนพวกหนอน ได้แก่ ไส้เดือนทะเล (polycheate) หนอนริบบิ้น (ribbon worm) และหนอนถั่ว (sipunculids)
สัตว์ครัสเตเชี่ยนและหนอนในป่าชายเลนเกือบทุกชนิดจะขุด รูอยู่ ได้แก่ แม่หอบ ปูชนิดต่างๆ เช่น ปูแสม ปูก้ามดาบ และกุ้งดีดขัน เป็นต้น
2. สัตว์อาศัยหน้าดินในป่าชายเลน ในพื้นที่ที่มีป่าชายเลนอยู่หนาแน่น จะมีสัตว์ที่อาศัยอยู่หน้าดินมากกว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในดิน โดยจะพบสัตว์ที่มักจะอาศัยบริเวณต้นไม้ป่าชายเลน เช่น ปู หอย และปลาตีน เป็นต้น
3. สัตว์อาศัยอยู่เฉพาะที่ สัตว์กลุ่มนี้ที่พบเป็นจำนวนมากในป่าชายเลนหลาย พื้นที่ ได้แก่ เพรียง (barnacles) หอยนางรม (oysters) และหอยแมลงภู่ (mussles) โดยตัวเต็มวัยของสัตว์เหล่านี้จะอาศัยเกาะติดอยู่ถาวรกับรากค้ำจุนและส่วน ล่างของลำต้น
หอยและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาศัยรากของพรรณไม้ป่าชายเลน
4. สัตว์ที่หลบซ่อนตัว ตามบริเวณรอยแตกและช่องว่างเล็กๆ ที่อยู่ใกล้กันของเปลือกไม้จะมีพวกหอยสองฝาหรือพวกสัตว์ที่ไม่เคลื่อนที่ ชนิดอื่นอาศัยอยู่ สัตว์เหล่านี้จะเป็นสัตว์พวกที่หลบซ่อนตัว เช่น พวกครัสเตเชี่ยน กลุ่มไอโซพอด (isopod) หรือ แอมพิพอด (amphipod) ซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ และหนอนทะเล
5. สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเนื้อไม้
ตัวอย่างสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเนื้อไม้ป่าชายเลน คือ หอยสองฝาที่เรียกว่าเพรียงเจาะไม้ ปู แอมพิพอด ไอโซพอด หนอนทะเล และแมลง
6. ปลาในป่าชายเลน พื้นที่ป่าชายเลนแต่ละแห่งจะพบปลาชนิดที่แตกต่างกัน เช่น ปลาบางชนิดที่พบชุกชุมในพื้นที่แห่งหนึ่ง อาจจะไม่พบหรือพบจำนวนน้อยในพื้นที่อีกพื้นที่หนึ่ง ปลาที่พบชุกชุมในป่าชายเลน ได้แก่ ปลาหลังเขียว ปลากะตัก ปลากระบอก ปลาบู่ ปลาแป้น ปลาข้าวเม่า ปลาดอกหมาก ปลาตะกรับ และปลาสลิดทะเล
สัตว์บกในป่าชายเลน
http://www.aims.gov.au/pages/fauna/curlews/images02/curlews-01-180.jpg
นอกจากสัตว์ทะเลแล้ว ระบบนิเวศป่าชายเลนมีสัตว์บกอาศัยอยู่หลายชนิดเช่นกัน สัตว์บก (Terrestrial animals) เหล่านี้ ได้แก่ แมลง แมงมุม สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
สัตว์บกที่พบในป่าชายเลนแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
        • สัตว์ที่อาศัยในป่าชายเลนตลอดชีวิตของมัน (residents) เช่น จระเข้
        • สัตว์ที่ใช้ชีวิตในทางน้ำป่าชายเลนเพียงไม่นาน (transients) สัตว์กลุ่มนี้อาจเข้ามาเพียงเพื่อหาอาหารหรือสืบพันธุ์ และมันจะออกจากป่าชายเลนไปยังแหล่งที่อยู่อื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมัน ตัวอย่างของสัตว์กลุ่มนี้ คือ นกหลายชนิดที่พบบ่อย เช่น นกอีก๋อย หากินในป่าชายเลนแต่สร้างรังที่อื่น
1. แมลงและแมงมุม
แมลงชนิดที่มีความสำคัญในป่าชายเลน คือ แมลงกินพืช ซึ่งมันจะกินใบพืชป่าชายเลนเป็นอาหาร ส่วนแมลงชนิดอื่นๆ จะกินละอองเกสรของดอกไม้เป็นอาหาร เราจึงมักจะเห็นผีเสื้อ ตัวต่อ ผึ้งและหิ่งห้อย อาศัยอยู่ในป่าชายเลน
ในพื้นที่แห้งของป่าชายเลนพบรังมดอยู่ทั่วไป โดยพบมากในบริเวณหลังป่าชายเลนและพื้นที่ป่าชายเลนที่ติดกับส่วนบก และมดบางชนิดสร้างรังบนต้นไม้ เช่น มดแดง
2. สัตว์เลื้อยคลาน
ในป่าชายเลนพบตะกวดหลายชนิดและหลายขนาด ในบางพื้นที่พบตัวเหี้ย หรือในภาคใต้เรียกว่า ตัวแลน (monitor lizard) ขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป พบงูบกอาศัยทั่วไปในป่าชายเลน ได้แก่ งูพังกา งูปล้องทอง และงูเหลือม
สัตว์เลื้อยคลานอีกสองชนิดที่พบทั่วไปในทางน้ำป่าชายเลน คือ เต่าทะเลและงูทะเล ถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นสัตว์บกที่แท้จริง แต่มันใช้อากาศหายใจ เต่าทะเลวางไข่บนหาดทราย เต่าทะเลจำนวนมากเข้ามาในป่าชายเลน เพื่อหาอาหาร ส่วนงูทะเลใช้พื้นที่ป่าชายเลนเป็นแหล่งอนุบาลและเป็นพื้นที่สำหรับอาศัย
3. นก
ในระบบนิเวศป่าชายเลนพบนกมากมายหลายชนิด โดยนกบางชนิดไม่พบในที่อื่น นกเหล่านี้เข้ามาอาศัยป่าชายเลนเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ ส่วนใหญ่จะใช้ต้นไม้ป่าชายเลนเป็นที่สร้างรัง ในขณะที่อีกหลายชนิดใช้เพื่อเป็นแหล่งอาหาร โดยนกที่พบในป่าชายเลนส่วนใหญ่เป็นนกที่จับปลาเป็นอาหาร เช่น นกกาน้ำ นกยาง และนกกระเต็น เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบนกกินแมลง นกกินซาก และนกล่าเหยื่อเป็นอาหารเช่นกันนกในป่าชายเลนหลายชนิดเป็นนกที่อาศัยอยู่ใน ระบบป่าชายเลนอย่างถาวร เช่น นกล่าเหยื่อ ซึ่งจะพบนกกลุ่มนี้ตลอดทั้งปี


ส่วนนกกลุ่มอื่นๆ เช่น นกจาบคา (bee-eaters) เป็นนกอพยพ นกพวกนี้จะพบในป่าชายเลนเพียงช่วงเวลาหนึ่งของปี โดยนกอพยพเหล่านี้จะอพยพมาจากประเทศไซบีเรียในช่วงหน้าหนาว มันจะหาอาหารในบริเวณเอสทูรี่เขตร้อนและอาศัยอยู่ในป่าชายเลน
4. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม

สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบในระบบนิเวศป่าชายเลน ได้แก่ ลิงแสม ค้างคาวกินผลไม้ หรือ ค้างคาวแม่ไก่ ค้างคาวที่กินแมลง และหนู นอกจากนี้เรายังพบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ บริเวณทางน้ำในป่าชายเลน ได้แก่ โลมาและพะยูน โดยสัตว์ทั้งสองชนิดนี้จะเข้ามาในป่าชายเลนเป็นบางเวลาเพื่อหาอาหารเท่านั้น


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS